บริษัทซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven โดยได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive) 7-Eleven, Inc. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2531 ให้ประกอบธุรกิจและมอบสิทธิช่วง ภายใต้เครื่องหมายการค้า “7-Eleven” ในประเทศไทย โดยบริษัทต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ 7-Eleven, Inc.เป็นอัตราร้อยละของยอดขายที่ได้รับจาก ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยลักษณะของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนใหญ่จะให้บริการจำหน่ายสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง เน้นความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า
บริษัทมียอดขายสุทธิของร้านค้าสะดวกซื้อเท่ากับ 30,165 ล้านบาทและ 19,585 ล้านบาท สำหรับปี 2545 และงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546 ตามลำดับ ในช่วงปี 2543-2545 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อของบริษัทมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวนร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้นเป็น 239 สาขาต่อปี โดย ณ ปัจจุบันมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,700 ก่วาสาขา
สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา เป็นสินค้าที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานที่กำหนดและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละชุมชน ซึ่งสามารถแบ่งประเภทสินค้าที่มีประมาณ 5,000 กว่าชนิด ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สินค้าอุปโภค (Non-Food) และสินค้าบริการ (Service) สินค้าอุปโภคได้แก่ ของใช้ส่วนตัว ของใช้ในครัวเรือน บัตรโทรศัพท์ ฟิล์ม เป็นต้น ในขณะที่สินค้าบริการดำเนินการโดยบริษัทย่อยของบริษัทที่เรียกว่า “เคาน์เตอร์ เซอร์วิส” ได้แก่ การเป็นตัวแทนรับชำระค่าไฟฟ้า ค่าน้ำปะปา ค่าโทรศัพท์ ค่าสินค้าและบริการต่างๆ ตลอดจนการจำหน่ายตั๋วประเภทต่างๆ
2. สินค้าบริโภค (Food and Beverage) สามารถแบ่งย่อยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- อาหารจานด่วนและอาหารพิเศษ (Fast Food & Special Items) ซึ่งสินค้า บางส่วนจะมีตราสินค้าหรือยี่ห้อ (Brand Name) สำหรับวางจำหน่ายเฉพาะใน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น เช่น น้ำปั่นเกล็ดน้ำแข็ง (Slupee) น้ำอัดลม
(Big Gulp) ไส้กรอก (Big Bite)
- อาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป (Process Food) เช่น ขนมขบเคี้ยว ลูกอม
เป็นต้น
- เครื่องดื่ม (Beverage)
ทั้งนี้เซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งเป้าหมายในการวางตำแหน่งร้านเซเว่นอีเลฟเว่นให้เป็นร้านค้าสะดวกซื้อที่เน้นให้บริการอาหารปรุงสำเร็จและเครื่องดื่มครบวงจร(Convenience food store) ซึ่งเน้นการขายสินค้าบริโภคมากกว่าสินค้าอุปโภค เนื่องจากสินค้าบริโภคโดยทั่วไปจะมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าสินค้าอุปโภคและเป็นการวางตำแหน่งของร้านเวเว่นอีเลฟเว่น ให้แตกต่างจากร้านค้าปลีกประเภทอื่นๆ ในปี 2545 เซเว่นอีเลฟเว่นได้ปรับปรุงวิธีการสั่งซื้อสินค้าทาง Catalogโดยได้เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “7-Catalog” ขึ้น โดย 7- Catalog คือ บริการใหม่ของบริษัท เป็นแค็ตตาล็อกที่รวมสินค้ากว่า 5,000 รายการซึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านการคัดเลือกเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพดี ตอบสนองความต้องการของลูกค้า สามารถสั่งซื้อและรับสินค้าในแค็ตตาล็อกได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่
บริษัทมียอดขายสุทธิของร้านค้าสะดวกซื้อเท่ากับ 30,165 ล้านบาทและ 19,585 ล้านบาท สำหรับปี 2545 และงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546 ตามลำดับ ในช่วงปี 2543-2545 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อของบริษัทมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวนร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้นเป็น 239 สาขาต่อปี โดย ณ ปัจจุบันมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,700 ก่วาสาขา
สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา เป็นสินค้าที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานที่กำหนดและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละชุมชน ซึ่งสามารถแบ่งประเภทสินค้าที่มีประมาณ 5,000 กว่าชนิด ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สินค้าอุปโภค (Non-Food) และสินค้าบริการ (Service) สินค้าอุปโภคได้แก่ ของใช้ส่วนตัว ของใช้ในครัวเรือน บัตรโทรศัพท์ ฟิล์ม เป็นต้น ในขณะที่สินค้าบริการดำเนินการโดยบริษัทย่อยของบริษัทที่เรียกว่า “เคาน์เตอร์ เซอร์วิส” ได้แก่ การเป็นตัวแทนรับชำระค่าไฟฟ้า ค่าน้ำปะปา ค่าโทรศัพท์ ค่าสินค้าและบริการต่างๆ ตลอดจนการจำหน่ายตั๋วประเภทต่างๆ
2. สินค้าบริโภค (Food and Beverage) สามารถแบ่งย่อยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- อาหารจานด่วนและอาหารพิเศษ (Fast Food & Special Items) ซึ่งสินค้า บางส่วนจะมีตราสินค้าหรือยี่ห้อ (Brand Name) สำหรับวางจำหน่ายเฉพาะใน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น เช่น น้ำปั่นเกล็ดน้ำแข็ง (Slupee) น้ำอัดลม
(Big Gulp) ไส้กรอก (Big Bite)
- อาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป (Process Food) เช่น ขนมขบเคี้ยว ลูกอม
เป็นต้น
- เครื่องดื่ม (Beverage)
ทั้งนี้เซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งเป้าหมายในการวางตำแหน่งร้านเซเว่นอีเลฟเว่นให้เป็นร้านค้าสะดวกซื้อที่เน้นให้บริการอาหารปรุงสำเร็จและเครื่องดื่มครบวงจร(Convenience food store) ซึ่งเน้นการขายสินค้าบริโภคมากกว่าสินค้าอุปโภค เนื่องจากสินค้าบริโภคโดยทั่วไปจะมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าสินค้าอุปโภคและเป็นการวางตำแหน่งของร้านเวเว่นอีเลฟเว่น ให้แตกต่างจากร้านค้าปลีกประเภทอื่นๆ ในปี 2545 เซเว่นอีเลฟเว่นได้ปรับปรุงวิธีการสั่งซื้อสินค้าทาง Catalogโดยได้เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “7-Catalog” ขึ้น โดย 7- Catalog คือ บริการใหม่ของบริษัท เป็นแค็ตตาล็อกที่รวมสินค้ากว่า 5,000 รายการซึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านการคัดเลือกเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพดี ตอบสนองความต้องการของลูกค้า สามารถสั่งซื้อและรับสินค้าในแค็ตตาล็อกได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่
ลักษณะงานของแผนก MERCHANDISE ที่ได้ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
งานจะเป็นการคัดเลือกสินค้าและพิจารณาจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก โดยจะคัดเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการ ลักษณะของลูกค้า เพศ การศึกษา ระดับรายได้ ตรงกับวิถีการดำเนินชีวิต เป็นที่นิยมในตลาด โดยที่ทางผู้บริหารได้กำหนดสัดส่วนของสินค้าขายดีที่มีอยู่แล้วกับสินค้าใหม่ ที่จะนำมาลงใน หนังสือ7- Catalog ด้วยอัตราส่วน 80:20 สำหรับสินค้าเก่า ควรเป็นสินค้าที่ขายดี และ มีราคาต่ำกว่า 1,000 บาท เนื่องจาก วัตถุประสงค์ของ 7- Catalog คือการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ ซึ่งจะใช้สินค้าที่มีราคาไม่สูงในการดึงดูดหรือกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการซื้อ และ สินค้าใหม่ ควรเป็นสินค้าที่แปลกใหม่ ทันสมัย และคุณภาพดี ซึ่งหาซื้อตามท้องตลาดได้ยากหรือไม่มีขายตามท้องตลาด ตรงตามความต้องการของลูกค้า เซเว่นแคทตาล็อก และใช้วิธีการแบ่งชั้นของสินค้า (DACAPO) ซึ่งจะคัดเลือกสินค้าจากหนังสือ เซเว่นแคทตาล็อก เล่มที่ 16(Q16) ที่กำลังเปิดการขายอยู่ขณะนั้น( มิถุนายน-กรกฎาคม)และหนังสือ 7-Catalog เล่มที่ 3(พฤษภาคม-กรกฎาคม) ซึ่งเป็นการแบ่งชั้นของสินค้าแต่ละรายการจากยอดขายและจำนวน โดยเทียบกับยอดขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยในแต่ละกลุ่มสินค้า และ จะเลือกเฉพาะสินค้าที่ได้เกรด 6 - 9 เท่านั้น ทั้งจากยอดขายและจำนวน หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1 การประชุมเพื่อพัฒนาจากผลงานที่ผ่านมาแล้ว
2 นำเสนอสินค้า Winners ทั้งหมด (DACAPO > 5) รวมถึงสถิติต่างๆ
3 นำเสนอสินค้า Loosers ทั้งหมด (DACAPO > 5) รวมถึงสถิติต่างๆ
4 นำเสนอแนวคิดอย่างน้อย 5 ข้อ ในการเพิ่มประสิทธิผลจากสินค้า winner (DACAPO 7/8/9) styles
5 นำเสนอแนวคิดการพัฒนาของสินค้า midfield (DACAPO 4/5/6)
ลักษณะงานที่ได้รับมอบหมาย
งานที่ได้รับมอบหมายในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพจะเป็นงานที่อยู่ในส่วนของ Merchandise และการตลาดในส่วนของ Merchandise นั้นจะเป็นลักษณะงานที่ได้รับมอบหมายคือ จัดทำเอกสารการแจ้งยืนยันการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง 7-catalog ( mou ) และการถ่ายรูปสินค้าแต่ล่ะชนิดที่จะนำไปเป็นตัวอย่างในการขายสินค้าในหนังสือ 7-catalog สแกนรูปภาพสินค้าและเอกสารต่างๆ บันทึกรายการขายสินค้า DACAPO ของสินค้าในเล่ม พิมพ์ข้อมูลของลูกค้าและคู่ค้า ถ่ายเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับหน่วยงาน Fax เอกสารการแจ้งยืนยันการขายสินค้าผ่านช่องทาง 7-catalog ให้กับบริษัทคู่ค้า และโทรติดตามเอกสารกับบริษัทคู่ค้า ส่วนงานทางด้านการตลาดจะเป็นงานเกี่ยวกับลูกค้าและสมาชิกของ 7-catalog รวมไปจนถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆเพื่อพัฒนาช่องทางธุรกิจและเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกได้รู้จักกับ 7-catalog ซึ่งตลอดการฝึกประสบการณ์วิชาชีพมีรายละเอียดดังนี้
งานจะเป็นการคัดเลือกสินค้าและพิจารณาจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก โดยจะคัดเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการ ลักษณะของลูกค้า เพศ การศึกษา ระดับรายได้ ตรงกับวิถีการดำเนินชีวิต เป็นที่นิยมในตลาด โดยที่ทางผู้บริหารได้กำหนดสัดส่วนของสินค้าขายดีที่มีอยู่แล้วกับสินค้าใหม่ ที่จะนำมาลงใน หนังสือ7- Catalog ด้วยอัตราส่วน 80:20 สำหรับสินค้าเก่า ควรเป็นสินค้าที่ขายดี และ มีราคาต่ำกว่า 1,000 บาท เนื่องจาก วัตถุประสงค์ของ 7- Catalog คือการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ ซึ่งจะใช้สินค้าที่มีราคาไม่สูงในการดึงดูดหรือกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการซื้อ และ สินค้าใหม่ ควรเป็นสินค้าที่แปลกใหม่ ทันสมัย และคุณภาพดี ซึ่งหาซื้อตามท้องตลาดได้ยากหรือไม่มีขายตามท้องตลาด ตรงตามความต้องการของลูกค้า เซเว่นแคทตาล็อก และใช้วิธีการแบ่งชั้นของสินค้า (DACAPO) ซึ่งจะคัดเลือกสินค้าจากหนังสือ เซเว่นแคทตาล็อก เล่มที่ 16(Q16) ที่กำลังเปิดการขายอยู่ขณะนั้น( มิถุนายน-กรกฎาคม)และหนังสือ 7-Catalog เล่มที่ 3(พฤษภาคม-กรกฎาคม) ซึ่งเป็นการแบ่งชั้นของสินค้าแต่ละรายการจากยอดขายและจำนวน โดยเทียบกับยอดขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยในแต่ละกลุ่มสินค้า และ จะเลือกเฉพาะสินค้าที่ได้เกรด 6 - 9 เท่านั้น ทั้งจากยอดขายและจำนวน หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1 การประชุมเพื่อพัฒนาจากผลงานที่ผ่านมาแล้ว
2 นำเสนอสินค้า Winners ทั้งหมด (DACAPO > 5) รวมถึงสถิติต่างๆ
3 นำเสนอสินค้า Loosers ทั้งหมด (DACAPO > 5) รวมถึงสถิติต่างๆ
4 นำเสนอแนวคิดอย่างน้อย 5 ข้อ ในการเพิ่มประสิทธิผลจากสินค้า winner (DACAPO 7/8/9) styles
5 นำเสนอแนวคิดการพัฒนาของสินค้า midfield (DACAPO 4/5/6)
ลักษณะงานที่ได้รับมอบหมาย
งานที่ได้รับมอบหมายในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพจะเป็นงานที่อยู่ในส่วนของ Merchandise และการตลาดในส่วนของ Merchandise นั้นจะเป็นลักษณะงานที่ได้รับมอบหมายคือ จัดทำเอกสารการแจ้งยืนยันการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง 7-catalog ( mou ) และการถ่ายรูปสินค้าแต่ล่ะชนิดที่จะนำไปเป็นตัวอย่างในการขายสินค้าในหนังสือ 7-catalog สแกนรูปภาพสินค้าและเอกสารต่างๆ บันทึกรายการขายสินค้า DACAPO ของสินค้าในเล่ม พิมพ์ข้อมูลของลูกค้าและคู่ค้า ถ่ายเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับหน่วยงาน Fax เอกสารการแจ้งยืนยันการขายสินค้าผ่านช่องทาง 7-catalog ให้กับบริษัทคู่ค้า และโทรติดตามเอกสารกับบริษัทคู่ค้า ส่วนงานทางด้านการตลาดจะเป็นงานเกี่ยวกับลูกค้าและสมาชิกของ 7-catalog รวมไปจนถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆเพื่อพัฒนาช่องทางธุรกิจและเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกได้รู้จักกับ 7-catalog ซึ่งตลอดการฝึกประสบการณ์วิชาชีพมีรายละเอียดดังนี้
งานที่ได้รับมอบหมายด้านการบริหารผลิตภัณฑ์กลุ่ม
- บันทึก ตรวจสอบ และแก้ไข ข้อมูลสินค้าในระบบ AMOS
- จัดทำใบสั่งซื้อสินค้า เพื่อส่งให้บริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier)
- จัดส่งใบสั่งซื้อสินค้าให้บริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier) และติดตามการส่งสินค้าของบริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier)
- โทรศัพท์สอบถามลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าที่จัดส่งโดยบริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier) เพื่อป้องกันการส่งสินค้าล่าช้าและสอบถามความพอใจ
- บันทึกรายการยอดขาย DACAPO
- แก้ไขเอกสาร MOU
- FAX เอกสารต่างๆให้กับ Supplier
- ถ่ายเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์
- สแกนเอกสารและรูปภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะนำไปลงในหนังสือของ 7-catalog
- ถ่ายรูปสินค้าต่างๆเพื่อนำไปประกอบกานำเสนอ
- พิมพ์นามบัตรของคู่ค้า(Supplier)
งานที่ได้รับมอบหมายด้านการจัดกิจกรรมทางการตลาด ( Event Marketing)
1. ไปร่วมจัดงานออกบูธประชาสัมพันธ์เว็บไซส์ www.7-catalog .com ในงาน Ecommerce Thailand 2008 ณ ห้องแกรนบอลลูมเซ็นทรัลลาดพร้าว ในวันที่ 12 เดือน พฤศจิกายน 2551
2. ไปร่วมจัดงานการกุศล ซีพี ออลล์ ทำดีเพื่อพ่อ ที่ตึก CP TOWER ชั้น 11 ในวันที่ 4 เดือน ธันวาคม 2551
3. ไปร่วมจัดงานและถ่ายรูปงานแถลงข่าวฉลองครบรอบ 8 ปี 7-catalog ณ ตึก CP TOWER ชั้น 11 ในวันที่ 07 เดือน มกราคม 2552
4. ไปร่วมจัดงานพัฒนาช่องทางธุรกิจ ณ CP TOWER ชั้น 11 ในวันที่ 28 เดือน มกราคม 2552
- บันทึก ตรวจสอบ และแก้ไข ข้อมูลสินค้าในระบบ AMOS
- จัดทำใบสั่งซื้อสินค้า เพื่อส่งให้บริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier)
- จัดส่งใบสั่งซื้อสินค้าให้บริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier) และติดตามการส่งสินค้าของบริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier)
- โทรศัพท์สอบถามลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าที่จัดส่งโดยบริษัทเจ้าของสินค้า(Supplier) เพื่อป้องกันการส่งสินค้าล่าช้าและสอบถามความพอใจ
- บันทึกรายการยอดขาย DACAPO
- แก้ไขเอกสาร MOU
- FAX เอกสารต่างๆให้กับ Supplier
- ถ่ายเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์
- สแกนเอกสารและรูปภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะนำไปลงในหนังสือของ 7-catalog
- ถ่ายรูปสินค้าต่างๆเพื่อนำไปประกอบกานำเสนอ
- พิมพ์นามบัตรของคู่ค้า(Supplier)
งานที่ได้รับมอบหมายด้านการจัดกิจกรรมทางการตลาด ( Event Marketing)
1. ไปร่วมจัดงานออกบูธประชาสัมพันธ์เว็บไซส์ www.7-catalog .com ในงาน Ecommerce Thailand 2008 ณ ห้องแกรนบอลลูมเซ็นทรัลลาดพร้าว ในวันที่ 12 เดือน พฤศจิกายน 2551
2. ไปร่วมจัดงานการกุศล ซีพี ออลล์ ทำดีเพื่อพ่อ ที่ตึก CP TOWER ชั้น 11 ในวันที่ 4 เดือน ธันวาคม 2551
3. ไปร่วมจัดงานและถ่ายรูปงานแถลงข่าวฉลองครบรอบ 8 ปี 7-catalog ณ ตึก CP TOWER ชั้น 11 ในวันที่ 07 เดือน มกราคม 2552
4. ไปร่วมจัดงานพัฒนาช่องทางธุรกิจ ณ CP TOWER ชั้น 11 ในวันที่ 28 เดือน มกราคม 2552
ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในครั้งนี้ ได้ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงานจริงๆในสถานที่จริงและสถานการณ์จริง สอนให้เราได้รู้ถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ทำให้เรารู้จักในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นและมารยาททางสังคมการวางตัว
ทำให้เรามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย เป็นคนตรงต่อเวลามีความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติงานและมีความอดทนอดกลั้นขยันขันแข็งในการทำงาน
สรุปปัญหาและอุปสรรคจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
ปัญหาจากการฝึกงานก็เป็นในเรื่องของความเข้าใจ ในการปฏิบัติงานบางอย่างที่เราไม่ค่อยเข้าใจและกลัวว่าถ้าทำไปแล้วจะถูกต้องหรือไม่ มีความวิตกกังวลตนเองว่าจะสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จลุล่วงทันกำหนดเวลาหรือปล่าว ฟังคำสั่งงานที่ได้รับมอบหมายไม่ค่อยละเอียดก่อนจึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้ง
อุปสรรคจะเป็นเรื่องของการสั่งงานจากพี่ที่หน่วยงานที่สั่งงานไม่ค่อยละเอียดจึงทำให้งานออกมาไม่ตรงตามที่คาดหมาย และการใช้โปรแกรมของหน่วยงานซึ่งเราไม่คุ้นในการใช้งาน ความรู้ในศัพท์ภาษาอังกฤษน้อย
ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในครั้งนี้ ได้ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงานจริงๆในสถานที่จริงและสถานการณ์จริง สอนให้เราได้รู้ถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ทำให้เรารู้จักในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นและมารยาททางสังคมการวางตัว
ทำให้เรามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย เป็นคนตรงต่อเวลามีความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติงานและมีความอดทนอดกลั้นขยันขันแข็งในการทำงาน
สรุปปัญหาและอุปสรรคจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
ปัญหาจากการฝึกงานก็เป็นในเรื่องของความเข้าใจ ในการปฏิบัติงานบางอย่างที่เราไม่ค่อยเข้าใจและกลัวว่าถ้าทำไปแล้วจะถูกต้องหรือไม่ มีความวิตกกังวลตนเองว่าจะสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จลุล่วงทันกำหนดเวลาหรือปล่าว ฟังคำสั่งงานที่ได้รับมอบหมายไม่ค่อยละเอียดก่อนจึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้ง
อุปสรรคจะเป็นเรื่องของการสั่งงานจากพี่ที่หน่วยงานที่สั่งงานไม่ค่อยละเอียดจึงทำให้งานออกมาไม่ตรงตามที่คาดหมาย และการใช้โปรแกรมของหน่วยงานซึ่งเราไม่คุ้นในการใช้งาน ความรู้ในศัพท์ภาษาอังกฤษน้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น